ซินเจียงเหนือ: ปลายทางที่ควรไปสักครั้งในชีวิต
ถ้าพูดถึงสถานที่ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ตามในเช็กลิสต์ของแอดมินก็หนีไม่พ้นธรรมชาติที่สวยงามในสุดขอบของประเทศจีน ที่ “ซินเจียง” สถานที่ทุ่งหญ้าที่สวยงามเขียวขจี และ มองเห็นวิวยอดภูเขาหิมะที่สวยงาม ที่ดูแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่ผสมผสานออกมาได้ลงตัว ซึ่งที่นี่ทำให้เราได้สัมผัส4ฤดูในหนึ่งวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ เนื่องจากความพิเศษของพื้นที่ และ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลที่ค่อนข้างหลากหลาย วันนี้สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว และ แอดมินได้พากลุ่มเพื่อนๆ ไปเยือน ซินเจียงเหนือมาสักครั้ง ในเดือน มิถุนายน ปี 66 ที่ผ่านมา จะมาเล่าสู่การฟัสำหรับ สิ่งที่เราได้ไปสัมผัสถึงความอัศขรรย์นี้
เราได้วางแผนการเดินทางล่วงหน้า ประมาณ 2 เดือน ซึ่งแอดมินมีเพื่อนที่ให้บริการท่องเที่ยวที่ซินเจียงที่เป็นคนท้องถิ่นอยู่แล้วจึงค่อนข้างสบายใจได้ในการช่วยวางแผนตารางการเดินทางอย่างราบรื่นและเราเองก็จัดการขอวีซ่า (ณ ตอนนั้นประเทศจีนยังไม่ได้เปิดฟรีวีซ่า), และวางแผนเรื่องของตั๋วเครื่องบินซึ่งยังไม่มีสายการบินที่บินตรงไปถึงอุรุมซี จึงต้องจองสายการบินสลับกัน และ วางแผนการเปลี่ยนเครื่องให้ดี โดยเราได้เลือกบินจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงที่ เฉิงตู และ เปลี่ยนเครื่องเพื่อบินไป อูรุมซี ใช้เวลาเบ็ดเสร็จประมาณ 12 ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง และ รอเปลี่ยนเครื่อง มาถึงจุดนี้ยังไม่เริ่มบินเลยน่าจะดูเหนื่อยน่าดูเลยใช่ไหมครับ แต่อย่าพึ่งท้อทุกอย่างจะถูกเยียวยาด้วยความสวยงามของธรรมชาติ
หลังจากวันแรกที่หมดไปกับการเดินทางจากกรุงเทพ เพื่อมาถึง อุรุมซี สิ่งที่ท้าทายเราต่อในวันที่ 2 คือการนั่งรถ 700 กิโลเมตร เพื่อไปยัง ทะเลสาป ไซรัม(赛里木湖) ทะเลสาปที่ตั้งอยู่บนหุบเขาสูง และ ได้รับขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งเทียนซาน” สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งในการเที่ยวซินเจียง โดยความที่อยู่สุดขอบฝั่งตะวันตกของประเทศจีน ทำให้ฟ้ามืดค่อนข้างที่จะช้า ประมาณ 4 ทุ่ม ตะวันพึ่งจะลับฟ้า ทำให้เรายังมีเวลาในการเที่ยวชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติอีกมากมาย และ วิวที่เราได้เห็นบอกได้เลยว่า ลืมความเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งรถไปเลย เพราะเราเองก็ตื่นตาตื่นใจกับวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดการเดินทาง และ อากาศค่อนข้างที่จะแปรปรวน อยู่ดีๆ ฝนก็ตก ถึงตกหนัก ผ่านไป 5นาที แดดก็ออก พวกเราต้องปรับตัวกันค่อนข้างไว้ต่อสถานการณ์ ฝนหยุด ลุยต่อ ถ่ายรูปต่อ ทริปนี้ ต้องคุ้ม จะบอกว่า อุทยานทะเลสาป ไซรัมค่อนข้างที่จะใหญ่มาก เป็นอุทยานระดับ 5A ที่แม้กระทั่งคนจีนเองยังต้องตั้งเป้าหมายมาเยือนสักครั้งในชีวิต
วันที่สามเราก็ได้ออกเดินทางเยี่ยมชมไร่ลาเวนเดอร์ของทางท้องถิ่น Yili ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชพันธุ์ที่มีการปลูกจำนวนมาก และ นำไปแปลรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนั้นก็ต่อด้วย ไฮไลท์ที่ต่อไป อุทยาน Kalajun(喀拉峻大草原) ซึ่งอากาศก็เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว เราไปถึงกันช่วงเวลาประมาณ 16:00 ซึ่งโชคดีที่ฝนลงก่อนประมาณ 10นาที จากนั้นท้องฟ้าสว่างสวยงามมาก ในพื้นที่นี้เราต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาป จากนั้นก็นั่งรถกอล์ฟ เพื่อขึ้นเขาไปชมความสวยงามของทุ่งหญ้าบนภูเขาสูง เปรียบเสมือนมองเห็นเปลือกโลกแผ่นใหญ่ๆ ความรู้สึกๆ คล้ายๆกับที่ตั้งป้าย Hollywood ใน LA, และ จบท้ายวันได้ ซุปแกะร้านดังย่านท้องถิ่น ที่อร่อยมาก และ ไม่มีกลิ่นสาบเลย
วันที่สี่อุทยาน Nalati(那拉提天空草原) ระดับ 5A เช่นกันที่มีภูมิทัศน์ ที่สวยเหมือนภาพวาด ภาพที่ถ่ายมาไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ยังมีเพื่อนทักว่าเหมือนภาพตัดต่อ ซึ่งเราสังเกตุเห็นว่า หลังจากที่ฝนตกไปแปบนึง ฟ้าจะเปิด แสงจะสวย และ ท้องฟ้าจะฟ้ามาก เลยทำให้ภาพที่ออกมาเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำของต้นหญ้าดอกไม้ ความสดใสของท้องฟ้า และมีลำธารที่ไหลผ่าน แอดมินแอบเอามือไปจุ่ม โอ้โห น้ำเย็นมากครับ อารมณ์เหมือนอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้เห็นทั้งทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ และ หิมะปกคลุมบนเทือกเขา จบวันด้วยมื้ออาหารที่ต้องลองเมื่อไปถึงซินเจียง ซึ่งทางเพื่อนของแอดมินได้จัดเตรียมต้อนรับพวกเราด้วยแกะย่างทั้งตัว(烤全羊)! ก่อนทานจะมีโฮสท์ที่เป็นเจ้าบ้านกล่าวคำต้อนรับและอวยพรพวกเรา และ แอดมินได้มีโอกาส ลองทานเนื้อม้าด้วย รสชาติ ค่อนข้างอร่อยคล้ายๆ กับหมูหมักซีอิ้ว แต่ทานเยอะไม่ได้ เพราะเนื้อม้าค่อนข้างที่จะร้อน คนท้องถิ่นจะนิยมทานเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเพราะที่ซินเจียงในช่วงฤดูหนาวค่อนข้างที่จะหนาวเลยครับ แล้วก่อนเข้านอนก็ได้มีกิจกรรมรอบกองไฟ เต้นรำกันเบาๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ก่อนเข้านอน
และที่สุดของ ไฮเลท์ในรอบนี้ เราโชคดีมากๆ เพราะเป็นเส้นทางถนนที่สวยที่สุดในประเทศจีนเปิดให้สัญจรได้พอดีและนั่นก็คือ “ถนนตูกูกงลู่(独库公路)” ระยะทางประมาณ 561 กิโลเมตร ซึ่งจะเปิดให้สัญจรท่องเที่ยวได้ปีละประมาณ 3 เดือนเท่านั้น โดยวันเวลาเปิดปิดก็อาจยังไม่แน่นอนมาก ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและหิมะที่ปกคลุมบนเทือกเขาด้วย วันที่เราไปนั้นอากาศค่อนข้างจะแปรปรวนทั้งวัน ทั้งฝน ทั้งลม และ เจออุบัติเหตุรถติดเป็นช่วงๆบ้าง เพราะเป็นช่วงที่พึ่งเปิดแรกๆอาจจะยังติดขัดบ้าง แต่สิ่งที่สวยงามตลอดทางคือวิวป่าสนสองข้างทางที่มีลำธารจากหิมะที่ละลายบนยอดเขาไหลผ่านน้ำใสออกสีฟ้าๆที่ทำให้เพลิดเพลินได้ตลอดเวลา พร้อมเห็นคนท้องถื่นที่คอยต้อนแกะระหว่างทาง ทำให้เราให้เราเห็นวิถีการใชชีวิตของชาวเขาท้องถิ่นที่นั้นพร้อมๆกัน ด้วยเหตุที่สภาพอากาศน่าจะยังนิ่งไม่พอ ในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเราก็โชคดี ได้เห็นหิมะตกลงมาด้วย ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของเพื่อนๆหลายคนได้เห็นหิมะตก และ ได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติอีกฤดูนึง และ ค่อยๆ นั่งรถลงเขา เพื่อกลับสู่ อูรุมซี และวันสุดท้ายเราก็ได้เดินทางไปยังสนามบินหลังจากเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม โดยขากลับเราได้เลือกบินจาก อูรุมชี พักเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง และ บินตรงกลับ กรุงเทพฯ
การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความทรงจำที่ตราตรึงใจ ธรรมชาติที่สวยงามและความน่ารักของผู้คนท้องถิ่นทำให้เราหลงรักซินเจียงเหนือแบบไม่รู้ลืม ยิ่งเล่าก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แอดมินเองยังคงเฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปสำรวจซินเจียงใต้ที่รอให้เราผจญภัยต่อ หากคุณเคยไปสัมผัสความงดงามของซินเจียงมาแล้ว หรือมีแผนที่จะไป เราขอเชิญชวนให้คุณมาแชร์ประสบการณ์ของคุณกับเรา! หรือถ้าคุณยังไม่ได้ไปแต่ฝันอยากจะไป เรายินดีจัดเตรียมทุกการเดินทางให้คุณ เพื่อให้ทริปนี้เป็นการเดินทางที่พิเศษและน่าจดจำที่สุด มาร่วมสร้างความทรงจำดีๆ ไปด้วยกัน!